เจาะสถานการณ์ ภาษียาสูบไทย
ในวันที่บุหรี่เถื่อนระบาด

เข้าใจการจัดเก็บภาษียาสูบ

ผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ

บุหรี่เถื่อนระบาด

ผู้ผลิตและเกษตรกรไทยได้รับผลกระทบ

รัฐบาลเก็บภาษียาสูบได้ลดลง

ข้อเสนอแนะ

เจาะสถานการณ์
ภาษียาสูบไทย

ในวันที่บุหรี่เถื่อนระบาด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

ข่าวเกี่ยวกับบุหรี่เถื่อนถูกพูดถึงอยู่เป็นระยะ ทั้งในแง่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ  ปัญหาทางสุขภาพ และอาชญากรรมข้ามชาติ

2563

ตะลึง บุกจับบุหรี่เถื่อน 12 ตู้คอนเทนเนอร์กลางอ่าวไทย มูลค่า 500 ล้าน

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563ที่มาของข่าว

2564

สรรพสามิตบุกจับบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ ในเขตพื้นที่หัวหิน คิดเป็นเงินค่าปรับกว่า 169 ล้านบาท

วันที่ 29 มกราคม 2564ที่มาของข่าว

2565

กรมศุลกากรจับกุมบุหรี่ต่างประเทศลักลอบนำเข้าจำนวน 800 หีบห่อ รวมยานพาหนะ มีมูลค่ากว่า 38 ล้านบาท

วันที่ 1 มิถุนายน 2565ที่มาของข่าว

2566

บุหรี่เถื่อนออนไลน์ระบาดหนัก ยอดขายโต 97% หาซื้อง่ายราคาถูก จี้รัฐจัดการภัยออนไลน์

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566ที่มาของข่าว

2567

บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน มะเร็งร้ายเศรษฐกิจและสุขภาพคนไทย

วันที่ 6 พฤษภาคม 2567ที่มาของข่าว

บุหรี่เถื่อนทะลัก ทุบภาษีท้องถิ่น รายได้หายกว่า 2,400 ล้านบาท

วันที่ 24 ตุลาคม 2567ที่มาของข่าว

2568

“ส.ต.อ.” ซิ่งรถตำรวจขนบุหรี่เถื่อน ฝ่าฝนชนเสาไฟฟ้า บาดเจ็บสาหัส

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568ที่มาของข่าว

คงถึงเวลา
ที่เราจะต้องคุยเรื่องบุหรี่และ
ภาษียาสูบกันอย่างจริงจัง

แม้คุณจะไม่สูบบุหรี่

แต่ปัญหาราคาบุหรี่ และโครงสร้างภาษียาสูบ อาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด

ภาษียาสูบ

เป็นหนึ่งในภาษีที่กรมสรรพสามิต

จัดเก็บจากสินค้าบุหรี่ที่ผลิต-นำเข้า

เพื่อเป็นรายได้เข้าประเทศ

51,248
ล้านบาท

5,436
ล้านบาท*

10%

2%

1.5%

2%

2%

ภาพประกอบนี้สร้างขึ้นโดย AI

2,063
ล้านบาท

ภาพประกอบนี้สร้างขึ้นโดย AI

1

2

*สมมติฐาน:1. ราคายาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตเฉลี่ย 70 บาทต่อซอง
2. ปริมาณการจำหน่ายมวนยาสูบ (คาดการณ์) ปี 2567 จำนวน 1,109,420,000 ซอง (20 มวนต่อซอง) อ้างอิงข้อมูลจาก Nielsen

3

4

จะเห็นว่า
รายได้ที่รัฐจัดเก็บได้จากภาษียาสูบ ช่วยให้ประเทศไทยสามารถ ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน

ภาพประกอบนี้สร้างขึ้นโดย AI

อย่างไรก็ดี

การปรับโครงสร้าง
ภาษียาสูบในปี 2560

กลับส่งผลกระทบขนานใหญ่
ต่อเศรษฐกิจประเทศ

เข้าใจโครงสร้างภาษีบุหรี่

โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบเก่า ก่อนปี 2560

คำนวณระบบอัตราเดียว

ภาษีตามมูลค่า

บุหรี่ไทย

บุหรี่นำเข้า

ราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรมยาสูบ

x

อัตราภาษีตามมูลค่า (ร้อยละ)

(1-อัตราภาษีตามมูลค่า (ร้อยละ))

หรือ

(เสียเฉพาะภาษีที่จ่ายแพงกว่า)

ภาษีตามปริมาณ

บุหรี่ทุกประเภท

ปริมาณ (กรัม)

x

อัตราภาษีตามปริมาณ

ตัวอย่างการคำนวณภาษีอัตราเดียว

ทำไมต้องเปลี่ยน?

เพิ่มรายได้ภาษียาสูบด้วยราคาบุหรี่ที่แพงขึ้น

รัฐต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่

ปกป้องผู้ผลิตยาสูบภายในประเทศ
ที่ขายต่ำกว่าซองละ 60 บาท

จึงทำให้เกิด

โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบใหม่ ปี

เปลี่ยนจากระบบคำนวณอัตราเดียว เป็นระบบคำนวณแบบผสม 2 อัตรา

ภาษีตามมูลค่า

บุหรี่ที่มีราคาขายปลีก ≤ บาทต่อซอง

อัตราภาษี 20%

ของราคาขายปลีกไม่รวม VAT

และ

ภาษีตามปริมาณ

บาทต่อมวน หรือ

บาท ต่อซอง

(20 มวน)

ภาษีตามมูลค่า

บุหรี่ที่มีราคาขายปลีก > บาทต่อซอง

อัตราภาษี 40%

ของราคาขายปลีกไม่รวม VAT

และ

ภาษีตามปริมาณ

บาทต่อมวน หรือ

บาท ต่อซอง

(20 มวน)

ตัวอย่างการคำนวณระบบผสม 2 อัตรา ปี

ทำไมต้องเปลี่ยน?

กรมสรรพสามิตเห็นว่าโควิด-19 กระทบต่อเกษตรกรยาสูบ จึงต้องการระยะเวลาเตรียมความพร้อมก่อนปรับเป็นอัตราเดียว

ต้องการปรับอัตราเพิ่มให้
จัดเก็บภาษียาสูบได้มากขึ้น

จึงทำให้เกิด

โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบใหม่ ปี

เพิ่มอัตราการเก็บภาษีตามมูลค่าและภาษีตามปริมาณ

ภาษีตามมูลค่า

บุหรี่ที่มีราคาขายปลีก ≤ บาทต่อซอง

อัตราภาษี 25%

ของราคาขายปลีกไม่รวม VAT

และ

ภาษีตามปริมาณ

บาทต่อมวน หรือ

บาท ต่อซอง

(20 มวน)

ภาษีตามมูลค่า

บุหรี่ที่มีราคาขายปลีก > บาทต่อซอง

อัตราภาษี 42%

ของราคาขายปลีกไม่รวม VAT

และ

ภาษีตามปริมาณ

บาทต่อมวน หรือ

บาท ต่อซอง

(20 มวน)

ตัวอย่างการคำนวณระบบผสม 2 อัตรา ปี

ผลการปรับภาษียาสูบให้เป็น

2 อัตราดังกล่าว

ส่งผลให้บุหรี่ในเมืองไทย

ปรับขึ้นราคา

ระหว่างปี 2559-2567

ตัวอย่าง:

บุหรี่กรองทิพย์ ๙๐

2559

86 บาท

2561

95 บาท

(+10.47%)

2567

105 บาท

(+10.53%)

สอดคล้องกับรายงานผล
การพิจารณาศึกษาญัตติ

เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบ
และยาเส้นราคาตกต่ำ

(กลุ่มงานคณะกรรมการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร)

ระบุตอนหนึ่งในคำนำว่า 

“การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราภาษีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ราคาบุหรี่ที่ผลิต ภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น…”

ราคาบุหรี่ที่สูงขึ้น
น่าจะช่วยลดจำนวนผู้สูบบุหรี่

แต่...ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม

ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปบริโภคสินค้ายาสูบผิดกฎหมาย และเกิด 3 ผลกระทบลูกโซ่ใหญ่ตามมา

บุหรี่เถื่อนระบาด
คอร์รัปชันเพิ่ม
รายได้บุหรี่เถื่อน หนุนอาชญากรรมข้ามชาติ*

อ้างอิง* THE LINK BETWEEN ILLICIT TOBACCO TRADE AND ORGANISED CRIME (University of Osnabrück/ZEIS, 2018)

ผู้ผลิตอย่างการยาสูบแห่งประเทศไทย และเกษตรกร ผู้ปลูกใบยาสูบได้รับผลกระทบ

รัฐสูญเสียรายได้
จัดเก็บภาษียาสูบได้น้อยลง

ในวันที่

ปัญหาบุหรี่เถื่อน
และบุหรี่ปลอมระบาด

ส่งผลให้อัตราคอร์รัปชันเพิ่มสูงขึ้น
รายได้บุหรี่เถื่อนหนุนอาชญากรรมข้ามชาติ*

อ้างอิง* THE LINK BETWEEN ILLICIT TOBACCO TRADE AND ORGANISED CRIME (University of Osnabrück/ZEIS, 2018)

รู้จักบุหรี่ผิดกฎหมาย

> แตะที่กล่องเพื่ออ่านคำอธิบาย <

บุหรี่เถื่อน
บุหรี่ผิดกฎหมาย

บุหรี่ที่ไม่เสียภาษีตามกฎหมาย ลักลอบนำเข้า
มาจากต่างประเทศ 

บุหรี่ปลอม

บุหรี่ที่เลียนแบบฉลากยี่ห้อ
ของบุหรี่ไทยหรือบุหรี่นอก ที่มีอยู่แล้วในตลาดโดยไม่ได้รับอนุญาตและ ไม่เสียภาษีตามกฎหมาย

ทั้งบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม
“ไม่ได้รับการควบคุม”
จากกระทรวงสาธารณสุขในประเทศไทย
อาจเสื่อมคุณภาพและอาจหมดอายุ

ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ใกล้ชิด เนื่องจากบุหรี่เถื่อนไม่ได้มาตรฐาน มีเชื้อราและสารอันตรายที่ไม่ได้รับการควบคุม

เปรียบเทียบราคา
บุหรี่ถูกกฎหมาย และบุหรี่เถื่อน

อ้างอิงข้อมูลราคาบุหรี่ก่อน ต.ค. 2564 และหลัง ต.ค. 2564 จากอินโฟกราฟิก สำรวจราคาบุหรี่ไทย "ก่อน-หลัง" คลังขึ้นภาษี โดยสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า

ในขณะที่บุหรี่ถูกกฎหมายมีราคาพุ่งสูงขึ้น
แต่บุหรี่เถื่อน/บุหรี่ปลอม
กลับมีราคาถูกกว่าถึง 2-3 เท่า

ทำให้ผู้สูบบุหรี่จำนวนไม่น้อย
เลือกที่จะซื้อบุหรี่เถื่อน/บุหรี่ปลอม
ที่มีขายในตลาดนัด ร้านโชห่วย หรือแพลตฟอร์มออนไลน์

+284.85%

เมื่อผู้สูบเบือนหน้าหนี

บุหรี่ถูกกฎหมาย

ส่งผลให้สัดส่วนของ

บุหรี่ผิดกฎหมาย

ในประเทศไทย มีอัตราสูงขึ้น
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2567

ส่องสถานการณ์
บุหรี่ผิดกฎหมาย

แผนภูมิแสดงสัดส่วนของบุหรี่ผิดกฎหมาย ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2567 จากผลการสำรวจซองบุหรี่เปล่าใน ประเทศไทย โดย NIQ

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

สัดส่วนของบุหรี่ผิดกฎหมายขยับจาก 2.9%  ในปี 2559 เป็น 6.6% ในปี 2560

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

สัดส่วนของบุหรี่ผิดกฎหมายขยับจาก 6.2% ในปี 2563 เป็น 11.4% ในปี 2564 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

จำนวนสัดส่วนบุหรี่ผิดกฎหมายล่าสุดในไตรมาสที่ 3 ปี 2567

พุ่งสูงถึง 25.4% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูง แบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

+6295%

เมื่อบุหรี่ถูกกฎหมายแพง
ส่งผลให้บุหรี่ผิดกฎหมาย
เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ขณะเดียวกันก็น่าตั้งข้อสังเกตถึง

แนวโน้มบุหรี่ไฟฟ้า

ที่เพิ่มสูงขึ้น

บุหรี่ไฟฟ้าบุกตลาด

แผนภูมิแสดงสถานการณ์ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ของประชากร อายุ 15 ขึ้นไป ระหว่างปี 2557-2566

หมายเหตุ:
ข้อมูลปี 2557, 2560, 2564 มาจากการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของประชากร อายุ 15 ขึ้นไปของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ข้อมูลปี 2565 มาจากโครงการขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ ของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยมีขนาดกลุ่มตัวอย่างอายุ 15 ปีขึ้นไป

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

ในขณะนั้น ได้มีการออกกฎหมายห้ามการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้ตัวเลขผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าปี 2560 ลดลงเป็น 11,097 คน จาก 48,336 คน

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

ในปี 2564 ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า กลับสูงขึ้นเป็น 78,742 คน 

จำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าล่าสุด

พบผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 709,677 คน เพิ่มขึ้น 10 เท่าของผลสำรวจในปีก่อนหน้าจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ

ท่ามกลางการเติบโตของ
บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้า

อัตราการสูบบุหรี่มวนถูกกฎหมาย
ของประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป

มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ก่อนการปรับโครงสร้าง
ภาษียาสูบในปี 2560 และปี 2564

ผู้สูบบุหรี่น้อยลงอาจ
ไม่ได้เกิดจากการปรับ
โครงสร้างภาษียาสูบ

แผนภูมิการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ และการดื่มสุราของประชากร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ

ก่อนปรับโครงสร้างภาษียาสูบปี 2560

ในทุกๆ 3 ปีพบว่าอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไปมีการลดลง แต่ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากนัก

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบ

พฤติกรรมผู้บริโภคหันไปหา
บุหรี่ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น

ขณะที่พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป

มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ก่อนการปรับโครงสร้างภาษียาสูบปี 2560 และปี 2564 

จากแนวโน้มดังกล่าว
ส่งผลให้

ผู้ผลิตอย่างการยาสูบฯ และเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ได้รับผลกระทบ

ทั้งที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมาย ในการปรับ โครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560 ที่ต้องการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ

-33.86%

หลังการปรับโครงสร้างภาษี
ยาสูบเป็น 2 อัตรา ในปี 2560

ทำให้บุหรี่ต่างประเทศหลายตัว
ปรับลดราคาต่อซองลงมา

ต่ำกว่า 60 บาท

เพื่อตอบรับ

กลุ่มผู้สูบรายได้น้อย

ที่เคยเป็นลูกค้าหลักของ
การยาสูบแห่งประเทศไทย

ส่งผลให้บุหรี่ไทย
เสียส่วนแบ่งทางการตลาด

บุหรี่ไทยสูญเสีย
ความเป็นเจ้าตลาด

แผนภูมิแสดงสัดส่วนทางการตลาดของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560-2566

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เสียส่วนแบ่งตลาดจาก 79.06% ลดลงเหลือ 59.68% ในปี 2561

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

ในปี 2565 ส่วนแบ่งทางการตลาดของการยาสูบฯ เหลือเพียง 49.82% ซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนแบ่งตลาด

ส่วนแบ่งทางการตลาดล่าสุด

ในปี 2566 ส่วนแบ่งทางการตลาดของการยาสูบฯ อยู่ที่ 52.29%

-45.97%

นอกจากจะสูญเสีย
ส่วนแบ่งทางการตลาด
การยาสูบฯ ยังสูญเสียรายได้
อย่างมีนัยสำคัญ 

หลังการปรับโครงสร้างภาษี
ยาสูบในปี 2560 และ 2564 

การยาสูบแห่งประเทศไทยรายได้หด

นอกจากจะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดการยาสูบแห่งประเทศไทยยังสูญเสียรายได้ อย่างมีนัยสำคัญ หลังการปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560 และ 2564 

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)
มีรายได้น้อยลงจาก 68,175 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 50,633 ล้านบาท ในปี 2561 ลดลงจากเดิม 17,542 ล้านบาท

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

รายได้ยังคงลดลงต่อเนื่องจาก 48,439 ล้านบาท ในปี 2564 เป็นเงิน 39,119 ล้านบาท ในปี 2565 สูญเสียรายได้จากเดิมเกือบหมื่นล้านบาท

-57.30%

เมื่อส่วนแบ่งทางการตลาด
และรายได้ของการยาสูบฯ
ลดลงอย่างฮวบฮาบ
ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

พี่น้องกลุ่มเกษตรกร
ที่ปลูกใบยาสูบกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ในภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ประมาณ

30,000 ครัวเรือน

จึงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
จากการลดปริมาณการรับซื้อ
ใบยาสูบและยาเส้น

มูลค่าการรับซื้อใบยาสูบลดลง กระทบรายได้เกษตรกรผู้ปลูก ใบยาสูบ

แผนภูมิแสดงมูลค่าการรับซื้อใบยาสูบ ตั้งแต่ปี 2560-2566

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

ในปี 2561-2562 มูลค่าการรับซื้อลดลงเท่าตัวจาก 2,085 ล้านบาท เหลือ 1,089 ล้านบาท

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

มูลค่าการรับซื้อยังคงลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 940 ล้านบาท ในปี 2566

ผลกระทบดังกล่าวทำให้

พี่น้องเกษตรกรต้องเผชิญปัญหาหนี้สิน

หลายครอบครัวต้องหันไปทำเกษตรชนิดอื่น

ภาพประกอบนี้สร้างขึ้นโดย AI

และทำให้ภาครัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเข้ามา
ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่เหลืออยู่

รัฐบาล

อนุมัติงบประมาณรายจ่าย ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น จํานวน

159 ล้านบาท

การยาสูบแห่งประเทศไทย

ได้ขอจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในวงเงิน

56.16 ล้านบาท

นอกจากจะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรยาสูบแล้ว ภาครัฐยังเจอผลกระทบต่อเนื่อง

รัฐสูญเสียรายได้
จัดเก็บภาษียาสูบได้น้อยลง

-25.30%

ภาษียาสูบดิ่ง
ผลกระทบต่อภาครัฐ

รัฐบาลเก็บภาษียาสูบ ได้ลดลง ส่งผลให้ จัดเก็บภาษีเพื่อธุรกิจ เฉพาะและภาษีบำรุง องค์การบริหารส่วน จังหวัดลดลง

แผนภูมิเปรียบเทียบภาษียาสูบที่รัฐบาลเก็บได้ระหว่างปีงบประมาณ 2559 - 2567

ก่อนปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

รัฐบาลไทยจัดเก็บรายได้จากภาษียาสูบเป็นเงิน 65,440 ล้านบาท ในปี 2559

หลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบในปี 2560

มีแนวโน้มของการจัดเก็บภาษียาสูบลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกปี

หลังการปรับขึ้นภาษียาสูบในปี 2564

รายได้จากการจัดเก็บภาษียาสูบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในปี 2567 ที่เหลือเพียง 51,248 ล้านบาท ลดลงกว่าหมื่นล้านบาทก่อนการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ

คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย หากการสูญเสีย รายได้จากการจัดเก็บภาษียาสูบจะหมายถึง จำนวนผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยที่ลดน้อยลง ควบคู่ใปกับสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย

แต่ในสถานการณ์จริง

การปรับโครงสร้างภาษียาสูบหลังปี 2560

กลับทำให้

รายได้ของเกษตรกร ผู้ปลูกใบยาสูบ

รายได้ของการยาสูบฯ

ส่วนแบ่งทางการตลาดของการยาสูบฯ

และ

การจัดเก็บรายได้จากภาษียาสูบของรัฐบาล

มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน

ผู้บริโภคเปลี่ยนไปบริโภค

บุหรี่ผิดกฎหมาย

และขณะเดียวกันก็น่าตั้งข้อสังเกตถึง

บุหรี่ไฟฟ้า

ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

จะดีกว่าไหม?

หากมีการปรับโครงสร้างภาษียาสูบอีกครั้ง และปรับแนวทางการดำเนินนโยบาย เพื่อให้ตอบรับกับสภาพการณ์ปัจจุบันอย่างเหมาะสม สมดุล

เมื่อบุหรี่เป็นเรื่องใหญ่มากกว่าแค่ผู้สูบ

การออกแบบการจัดการภาษียาสูบ จึงต้องมองใน 4 องค์ประกอบ เพื่อให้เกิดความสมดุล

การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ

บรรลุนโยบายสาธารณสุข

การสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม

การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

5 ข้อเสนอ

เพื่อการจัดการบุหรี่ที่ดีกว่า

ปรับโครงสร้างภาษียาสูบให้เป็นอัตราเดียวในอัตราที่เหมาะสม และมีแผนปรับภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ผู้สูบบุหรี่รู้ล่วงหน้า รัฐมีรายได้ที่คาดการณ์ได้ และลดโอกาสการค้าบุหรี่เถื่อน 

อ่านกรณีศึกษาจากฟิลิปปินส์

มีหลายงานวิจัยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยหันมาใช้อัตราภาษีเดียว เช่น

รายงาน Excise Tax Policy and Cigarette Use in High-Burden Asian Countries ตีพิมพ์เมื่อเดือน ธ.ค. 2566 โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank) ได้ให้ความเห็นว่าประเทศไทยเผชิญปัญหาราคาสูง การปรับโครงสร้างภาษียาสูบ ทำให้บริษัทยาสูบปรับตัว เช่น ลดความยาวบุหรี่ลงจาก 79-88 มิลลิเมตรเป็น 71 มิลลิเมตร และเปิดตัวแบรนด์ในราคาถูกให้ในอัตราภาษีตามมูลค่าขั้นล่าง ซึ่งทำให้ผู้สูบบุหรี่หันไปสูบบุหรี่ราคาถูก และรัฐจัดเก็บภาษีได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ระบุว่าประเทศไทยควรมีนโยบายทางภาษียาสูบอย่างจริงจัง ด้วยการยกเลิกโครงสร้างภาษียาสูบแบบหลายอัตรา และควบคุมการหลีกเลี่ยงภาษีของอุตสาหกรรมยาสูบ

โครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาเพื่อพัฒนาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบเพื่อเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตยาสูบที่เหมาะสมกับประเทศไทย” เผยแพร่เมื่อปี 2564 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้อ้างอิงคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เสนอแนะให้ใช้โครงสร้างระบบภาษียาสูบที่มีความง่ายต่อการจัดเก็บ (Simplifying) ไม่ก่อให้เกิดต้นทุนการจัดเก็บภาษีที่มากขึ้นและการเลี่ยงภาษี  อีกทั้งระบบภาษียาสูบตามอัตรามูลค่า 2 อัตรายังไม่ได้ลดแรงจูงใจในการสูบบุหรี่ จึงสนับสนุนให้ไทยควรมีระบบภาษียาสูบเป็นโครงสร้างแบบอัตราเดียว (Single Uniform Tax)

ปราบปรามบุหรี่ หรือผลิตภัณฑ์ทดแทนบุหรี่ที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด

ทั้งหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์ และคุมเข้มกับการตรวจที่หน้าด่านศุลกากร เพื่อป้องกันการลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนข้ามชาติ

บูรณาการกฎหมายให้สมดุล ทั้งประเด็นเศรษฐกิจ และสาธารณสุข

คำนึงทั้งรายได้ภาษีของรัฐและผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างเหมาะสมและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ ในการป้องกันการลักลอบค้าบุหรี่ผิดกฎหมาย

ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล เสริมสร้างมาตรการควบคุม และบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนาใบยาสูบของเกษตรกรไทย

ยกระดับคุณภาพสินค้า ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทั้งในประเทศและตลาดโลก

ดาวน์โหลด Infographic

ส่งต่อเรื่องราวเพื่อสร้างบทสนทนา
การออกแบบภาษียาสูบให้ดีกว่าเดิม

ขอบคุณข้อมูลจาก